Sunday, January 5, 2014

5 เคล็ดลับเพิมความจำ

  5 เคล็ดลับเพิมความจำ 

            แน่นอนว่า ทุกคนบนโลกใบนี้ไม่สามารถจดจำเรื่องราวต่าง ๆ  ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราได้หมดแน่นอน  และในวันนี้ก็อยากจะนำเคล็ดไม่ลับเกี่ยวกับการเตรียมตัวและฟิตสมอง เพิ่มความจำให้จำได้แม่นและจำได้มากขึ้นมาฝากน้อง ๆ กันคะ  รับรองว่าทั้ง 5 วิธีนี้ทำง่ายมั่กมาก 


        วิธีที่ 1 : ฟิตแอนด์เฟิร์มสมองด้วยการออกกำลังกาย

          น้องๆ ผู้หญิงอย่าเพิ่งเบือนหน้าหนีค่ะ การออกกำลังกายไม่ได้มีไว้สำหรับคนอยากสุขภาพดี   หุ่นดีเท่านั้น แต่ถ้าอยากสมองดีด้วยต้องหันมาออกกำลังบ้างแล้ว เมื่อไหร่ที่เราได้ออกกำลังกาย สมองของน้องๆ ก็ได้ออกกำลังกายไปด้วย เพราะขณะที่ร่างกายของเราเคลื่อนไหว สมองจะได้รับออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของสมอง และยังไปกระตุ้นสารเคมีในสมองที่เกี่ยวกับความจำให้ทำงานดีขึ้นด้วย
          แต่การออกกำลังกายในที่นี้ไม่ใช่ว่าอยากให้สมองทำงานดีขึ้นเยอะๆ ก็เลยออกกำลังกายทั้งวัน หักโหมสุดฤทธิ์ อันนี้กลัวว่าจะช็อกกันไปซะก่อน ประเภทนี้นอกจากจะเหนื่อยเปล่าแล้วยังไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อสมองเพิ่มด้วย เอาเป็นว่าออกกำลังกายแต่พอดีให้เลือดลมในร่างกายได้สูบฉีดไปเลี้ยงสมองแค่นี้ก็ถือว่าดีแล้วค่ะ


    วิธีที่ 2 : ใช้อารมณ์ในการจำบ้าง

           โอ้ว! วิธีฟังดูแปลกๆ แฮะ แต่หลักการไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ ก่อนอื่นพี่มิ้นท์ขอถามน้องๆ ก่อนว่าเคยเป็นแบบนี้มั้ย เช่น สอบเสร็จแล้วมักจะลืมเนื้อหาที่อ่านสอบ แต่เวลาตกหลุมรักใครเรามักจะจำทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคนคนนั้นได้ หรือแม้กระทั่งโกรธใคร เกลียดใคร เพราะอะไร จำได้แม่นมาก!!
           "อารมณ์" เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สองเหตุการณ์ให้ผลลัพธ์ต่างกัน ก็เพราะว่าสิ่งที่เราทำด้วยอารมณ์หรือความรู้สึกจะทำให้เราจำได้แม่นขึ้น ดังนั้นถ้าอยากจำแม่น ลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้ดูบ้าง ลอง "อิน" กับสิ่งที่ทำ จะฝึกเรียนภาษาก็ต้องอินกับภาษาเขาก่อน จะอ่านหนังสือก็ต้องอินกับเรื่องที่อ่าน (เวลาอ่านนิยายแล้วอินว่าเป็นนางเอก จะจำเรื่องนั้นแม่นมากก 555) จะหัดขับรถก็ต้องอินกับการฝึกขับรถ การใช้อารมณ์ร่วมหรืออินกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ จะทำให้เราใส่ใจกับเรื่องนั้นๆ แล้วจะจำได้แม่นนั่นเองค่ะ

     วิธีที่ 3 : หาอะไรใหม่ๆ ที่ท้าทาย

          กิจกรรมเดิมๆ เบื่อแล้ว ลองหาอะไรใหม่ๆ ทำดูบ้างนะคะ จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจ ให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าแล้ว ยังทำให้เซลล์สมองได้รับประสบการณ์ใหม่ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ บางคนเข้าใจผิดคิดว่าใช้สมองหนักเกินไปไม่ดี แต่ความเป็นจริงแล้วยิ่งเราใช้สมองมากเท่าไหร่ สมองจะยิ่งพัฒนาขึ้นเท่านั้น (แต่ก็ควรผ่อนคลายบ้างนะ) ซึ่งแน่นอนว่าความจำเราจะดีไปด้วย หากไม่เข้าใจลองดูผู้สูงอายุก็ได้ จะเห็นว่าถ้าไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องคิด ก็มีโอกาสที่สมองจะเสื่อมได้
          แล้วอะไรคือความท้าทายของสมอง? ในที่นี้ไม่ได้ให้น้องๆ ไปบันจี้จั๊มพ์กลางทะเลนะ แต่แค่จะบอกว่าลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ เช่น เล่นดนตรี เล่นเกมที่ไม่เคยเล่น หรือฝึกจากกิจวัตรประจำวันลองเรา เช่น ฝึกใช้มือข้างที่ไม่ถนัด จากเดิมใช้มือขวาแปรงฟันก็ลองมาเปลี่ยนมาใช้มือซ้าย เป็นต้น

      วิธีที่ 4 : แค่หัวเราะ ความจำก็เพิ่มขึ้น

เคยได้ยินมั้ยว่า "การหัวเราะ" เป็นยาที่ดีที่สุด บางคนอาการหนัก แต่กำลังใจดี อารมณ์ดี จากหนักๆ กลายเป็นหายปกติก็มีให้เห็นมากมาย ซึ่งการหัวเราะเกี่ยวข้องกับสมองโดยตรงเหมือนกันนะ เพราเวลาที่เราหัวเราะจะหลั่งสารเอนโดรฟิน ทำให้ร่างกายมีความสุข สมองก็จะถูกกระตุ้นในทางที่ผ่อนคลาย สมองเราก็จะแล่นฉิวปลิวว่อนเลยค่ะ ส่วนวิธีการหัวเราะก็คงไม่ยากมั้งคะ ยิ่งเราเป็นคนไทยด้วยแล้ว อารมณ์ดี เฮไหนเฮนั่น หากนึกวิธีไม่ออกให้อยู่กับเพื่อนเยอะๆ แล้วเล่าช็อตฮาๆ ประสบการณ์หน้าแตกให้เพื่อนเราฟัง รับรองว่าพอมีคนขำก็จะขำกันไม่หยุด บางคนไม่รู้ว่าเพื่อนขำอะไร แต่เห็นเพื่อนขำก็หัวเราะเพราะเพื่อนขำนี่แหละ โอ้ยย! นึกแล้วขำ
          เอาเป็นว่า อย่าเครียด อารมณ์ดี หัวเราะบ่อยๆ ยิ้มง่ายๆ จะเป็นผลดีต่อสมองและระบบความจำของเราจ้า


     วิธีที่ 5 : นั่งสมาธิก่อนนอน

          หัวเราะคลายเครียดกันไปแล้ว เปลี่ยนฟีลลิ่งมาในโหมดคนดี สวดมนต์นั่งสมาธิกันบ้าง การนั่งสมาธิถือว่าเป็นเทคนิคขั้นเทพที่ช่วยพัฒนาสมองเลยนะคะ เพียงแต่วิธีการอาจจะดูน่าเบื่อไม่ค่อยเหมาะกับวัยรุ่นอย่างน้องๆ พี่มิ้นท์ก็เลยขอปรับ เปลี่ยนมานั่งเฉพาะก่อนนอนก็พอค่ะ เพียงแค่วันละไม่กี่นาที ความจำจะดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ
         ทั้งนี้เพราะสมองของเราเป็นตัวควบคุมความคิด ความจำ อารมณ์และความรู้สึก ซึ่งมีกลไกที่ซับซ้อนมาก ซึ่งโครงสร้างและการทำงานของสมองเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ เคยมีการทดลองมาแล้วว่าคนที่นั่งสมาธิเป็นเวลานานๆ จะมีเซลล์สมองเพิ่มขึ้น การทำงานของคลื่นสมองก็จะดีขึ้น คือ ช้าลงแต่สม่ำเสมอมากขึ้นนั่นเองค่ะ ดังนั้นถ้าอยากจำแม่น จำนาน นั่งสมาธิช่วยได้น้า ลองดูๆ


อย่าลืมเอาเทคนิคเหล่านี้ไปใช้กันนะคะ รับรองเห็นผลแน่นอนคะ

Monday, December 30, 2013

เทคนิคการอ่านแบบ Scanning

Scanning

ผู้เขียนเชือว่า ผู้อ่านจำนวนไม่น้อย  พบกับปัญหาด้านการอ่านกันทั้งนั้น บ้างอ่านแล้วก็เข้าใจทันที  แต่บางคนอ่านจบหลับแบบนี้ก็ยังไม่เข้าใจเลย !!!!


หลับแบบนี้แหละ ซึมเข้าเเน่ ๆ ......
        และวันนี้ผู้เขียนมีเทคนิคการอ่านแบบคร่าว ๆ  มาฝากกันนะคะ 


                     
        การอ่านแบบคร่าว (Scanning) คือ   การอ่านเร็วที่ไม่ได้ค้นหาความคิดสำคัญของเรื่อง แต่ค้นหาข้อมูลเฉพาะที่ต้องการทรา เช่น ข้อเท็จจริง วันที่ ชื่อ สถิติ เป็นต้น อย่างที่หลายท่านทราบ Scanning คือการอ่านเร็ว    เหมือนกับ Skimming แต่ต่างกันตรงที่ Scan เป็นการอ่านอย่างรวดเร็วเพื่อหาข้อมูลบางอย่างที่ต้องการ เช่น การหาชื่อคนในสมุดโทรศัพท์
        ในการถามรายละเอียดในการอ่านแบบ scanning อาจมีดังนี้ According to the passage , The passage states that,  The author states that,  What does the author say about,  Which of the following is not true?,  Which of the following is not stated in the passage?,  All of the followings are true except.


ตัวอย่างแบบฝึกหัด การอ่านแบบข้าม (Scanning)

Direction : Scan this passage below and choose the best alternatives for each question.  

Tom Yum Kung keeps cancer away
        A bowl of tom yum kung a day helps keep cancer away.  According to a Thai-Japanese study. Although the result is only preliminary, the researchers say the world’s most popular Thai dish has several  anti-cancer properties more effective than other antioxidants.
     Substances found in galangal, lemon grass and kaffir lime leaves-the main ingredients foun in the spicy soup-are 100 times more effective in preventing tumors than those found in other food.
“ Thai cuisine is full of herbs and spices which are known for their health benefits “ said Suratwadee Jiwajinda, a researcher at Central Laboratory and Greenhouse complex, Kasetsart University.


1. How much tom yum kung do you have which helps keep cancer away?
         a. one bowl every three days.              
         b. one bowl a week.
         c. one bowl a day.        
         d. It’s up to you have.
2. Why does tom yum kung help keeping cancer away?
        a. It has a lot of shrimps (kung)   
        b. It has a lot of substances.
        c. It has a lot of spicy soup.       
        d. It has a lot of tumors.
3. Who studies about this food?
        a. The teachers.        
        b. The researchers.
        c. Central Laboratory.                
        d. A Thai-Japanese study.
4. What are the main ingredients of tom yum kung ?
        a. kaffir lime leaves, galangal and lemon grass. 
        b. lemon grass, herb and galangal.
        c. kung and lemon grass.                                
        d. galangal and kung.



คำสั่ง  " ให้นักเรียนอ่านบทความ  และตอบคำถามทั้ง  4 ข้อ  แล้วมาเฉลยในชั่วโมงถัดไปนะคะ..."

Adjective




ADJECTIVE  
            
           Adjective คือ  คำคุณศัพท์ที่ขยายคำนามเพื่อบอกรายละเอียดเกี่ยวกับ ลักษณะ คุณภาพ ขนาด รูปร่าง รูปทรง สี  หรือวัตถุดิบที่ทำ  เช่น  big  small  fine  good  cheap  round  or  tall 

            ชนิดของ Adjective
  •  articles : a,an,the  หรือ  possessive adjective : my, your, his, her,...
  •  possessive noun : father's, John's
  •  ordinals : first, next, only, some
  •  cardinals : two, other, several, many other 
  •  descriptive adjective: beautiful, ripe, delicious
  •  little, old, new
  •  colors
  •  class adjective : English, adult
  •  nouns : history  book, flower  garden   

  ตำแหน่งของคำคุณศัพท์ ( Positions of Adjective ) 

      1. วางไว้หน้าคำนาม  adjective นั้น ทำหน้าที่ขยายตัวอย่าง เช่น

            * Peter wears a black suit.
            * Tom is a good guy.

     
      2. วางไว้หลัง Verb to be และ Linking Verbs ตัวอย่าง เช่น
            * The traffic is terrible at 5 o’clock on Friday.
            * He felt tired.


หมายเหตุ

            Linking Verb คือ  คำกริยาที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง subject กับ adjective ที่ตามมา ยกตัวอย่าง  เช่น taste ,smell , turn , keep , feel , appear , grow , get , become , go , look ,seem , sound เป็นต้น ตัวอย่างเช่น
                          * The soup tastes good.
                          * The rose smells sweet.
                          * Uncle’s hair turns grey.


          Adjective 
ต่อไปนี้วางไว้หน้าคำนามเท่านั้น ( ห้ามวางไว้หลัง Verb to be และ Linking Verbs ) เช่น
            
              main (สำคัญ)                    only (เพียง)                         upper (ข้างบน)           

             former (แต่ก่อน)                      chief (สำคัญที่สุด)                   inner (ภายใน)    

             outer (ภายนอก)                   principal (หลักสำคัญ)              indoor (ในร่ม) 

             outdoor (กลางแจ้ง)             elder (สูงกว่า)                      eldest (สูงวัยที่สุด)
           
             drunken (ขี้เมา)                  wooden (ทำด้วยไม้)               golden (ทำด้วยทอง)

หลักการเรียงลำดับ Adjectives
       
    สำหรับการเรียงลำดับ adjective หลายคำที่ประกอบคำนามคำเดียว ให้เรียงลำดับดังนี้

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

Article demonstrative possessive

Ordinal

Cardinal

Quality

Size

Age

Shape

Color

Participle (v.3 / v.ing)

Origin

Material

Noun
 

the

first

two

cute

-

young

-

-

-

-

-

ladies

-

-

many

delicious

big

-

-

green

-

Chinese

-

apples

a

-

-

-

small

-

-

blue

-

-

plastic

chair

those

-

four

-

big

-

-

black

-

-

-

rocks

the

-

-

-

-

old

square

-

broken

French

wooden

table

his 

third

-

-

-

-

-

-

boring

-

-

job